เลือกอะไรดีระหว่าง เครื่องเลื่อยสายพาน Band Saw กับ Circular Saw
หลายคนมักมีคำถามว่าจะเลือกอะไรดีระหว่างเครื่องเลื่อยสายพาน Band Saw กับ Circular Saw บทความนี้นำเสนอมุมมองในการพิจารณาซึ่งอาจแตกต่างกันไปในหลายๆ มิติ วงศ์ธนาวุฒิหวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะช่วยสร้างพื้นฐานในการพิจารณาในการเลือกซื้อเครื่องเลื่อยให้กับท่านผู้อ่านได้อย่างเหมาะสมมากขึ้น
ในอดีต เครื่องตัด Band Saw นั้นได้รับความนิยมสูงมาก เนื่องด้วยกำลังในการตัด ศักยภาพในการฟีดงานเข้าตัดตามระยะที่กำหนด การตั้งโปรแกรมที่หลากหลาย การตัดวัสดุมากชนิดด้วยการเลือกใบตัดที่เหมาะสมทำในผิวตัดราบเรียบสม่ำเสมอ ในขณะที่ Circular Saw จะได้รับความนิยมในหมู่งานตัดประเภท High Speed Cutting ที่ต้องการความเร็วในการตัด หรือต้องการผิวเรียบมากเป็นพิเศษ การเปรียบเทียบประสิทธิภาพการตัดของเครื่องเลื่อยทั้งสองประเภทนั้นเริ่มยากมากขึ้นเรื่อยๆ เมื่อเทคโนโลยีพัฒนามาถึงปัจจุบัน เพราะในแง่ของต้นทุนแล้ว Band Saw ยังได้เปรียบทางด้านการลงทุนด้วยความหลากหลายในการตัดที่มากกกว่า สำหรับกรณีที่ผู้ประกอบการต้องการขยายไลน์การผลิตไปสู่วัสดุที่ต้องการตัดใหม่ๆ ในอนาคต หรือการตัดด้วยการ Bundle ที่รวมเอาวัสดุกองกันเป็นชั้นๆ ตัดทีเดียว ทำให้ประหยัดเวลาในการตัดและจัดเรียง
ชนิดและขนาดของวัสดุที่นำมาตัด
การพิจารณาเริ่มต้นที่พื้นฐานของงานตัดนั่นคือการคัดกรองวัสดุที่จะนำมาตัดว่าโดยมากจะเป็นประเภทอะไร เกรดไหน ขนาดเท่าไหร่ รูปทรงเป็นแบบเพลาตัด ท่อกลวง หรือทั้งสองประเภท และจะมีแนวโน้มเปลี่ยนแปลงไปในอนาคตอย่างไร วัสดุประเภทนั้นๆ ในอนาคตจะเปลี่ยนไปมากน้อยขนาดไหน
โดยมากนั้นระยะเส้นผ่าศูนย์กลางของวัสดุที่ตัดกับ Circular Saw จะมีขนาดไม่เกิน150 มม ต่อชิ้น ด้วยข้อจำกัดของโครงสร้างเครื่องทั่วไปที่มีขายกันอยู่ในตลาด ขนาดไม่เกิน 150มม นี้จะใช้เครื่องเลื่อยประเภทใดก็ได้ หากวัสดุมีขนาดที่มากกว่านั้น โดยทั่วไปจะหันไปเล่นเครื่องเลื่อยสายพานกันเสียส่วนใหญ่ เนื่องจากราคาของเครื่องจะถูกกว่าเมื่อเปรียบเทียบกับสเกลการตัดอย่างเห็นได้ชัด
การตัดด้วย Cold Saw กับเหล็กธรรมดานั้นทำได้ง่ายเพราะไม่ก่อให้เกิดความร้อนสูงและความร้อนสะสมซึ่งจะทำให้ฟันของ Circular Saw เสียหาย พวกโลหะที่มีส่วนผสมของ Nickel มากกว่าปกติจะตัดยากสำหรับ Cold Saw ในขณะที่ฟันของใบเลื่อยสายพานจะวิ่งช้ากว่า Circular Saw มาก ประกอบกับพื้นที่คมของฟันใบเลื่อยสายพาน Band Saw จะมีมากกว่าทำให้มีพื้นผิวสัมผัสของคมตัดมากขึ้น ช่วยเป็นตัวระบายความร้อนจากการตัดได้เป็นอย่างดีทั้งตอนตัดและตอนยกใบหนีออกจากงาน
พฤติกรรมการใช้เลื่อยของผู้ใช้งาน
ผู้ใช้งานควรทราบข้อมูลเบื้องต้นว่าในแต่ละวันนั้นตัดกี่ชั่วโมง มีสถิติเป็นรายวัน สัปดาห์และรายเดือน และจะปรับเปลี่ยนไปจากนี้หรือไม่ในอนาคตในระยะเวลาอีกนานเท่าไร และในแต่ละประเภทงานตัดนั้นได้ใช้วัสดุอะไรบ้าง เกรดไหน จำนวนเท่าไหร่
“เครื่องเลื่อยสายพาน” สามารถวางชิ้นงานซ้อนทับกันได้หลายระดับ ทำให้สามารถตัดงานได้หลายชิ้นในการขิ้นในการขึ้นลงใบเลื่อยเพียงครั้งเดียว ในขณะที่ยังสามารถจับยึดชิ้นงานให้แน่นติดกันได้ทั้งหมดด้วยระบบไฮโดรลิคแคล้มป์ ในการคำนวณปริมาณงานตัดจึงเป็นสิ่งสำคัญสำหรับผู้ใช้งาน ซึ่งตั้งมั่นใจว่าเครื่องเลื่อยที่คุณจะเลือกซื้อนั้นตอบโจทย์คุณได้ในด้านปริมาณการผลิต เช่น (ตัวเลขอาจแตกต่างสำหรับวัสดุที่แตกต่าง)
เครื่องเลื่อยสายพาน HA250 ของ AMADA สามารถวางชิ้นงานโต 50 มม ทับซ้อนกันได้ถึง 14 ชิ้นในการตัดหนึ่งครั้งในระยะเวลาการตัดต่อครั้ง 10 นาที ทำให้ได้เวลาต่อชิ้นที่ 43 วินาที
ในขณะที่ Cold Saw ใช้เวลาตัดวัสดุชนิดเดียวกัน แต่ไม่สามารถวางทับซ้อนกันได้ที่ 50 วินาทีต่อชิ้น
เทคโนโลยีการตัดของ Band Saw ปัจจุบันไม่ว่าจะเป็นทั้งระบบการบังคับบีมด้วยไฮโดรลิคคู่ ระบบใบมีดที่มีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง ความคงทนของใบมีด และอื่นๆ ทำให้ประสิทธิภาพในการตัดของเครื่องเลื่อยสายพาน Band Saw ดีขึ้นกว่าก่อนเป็นอย่างมาก
Cold Saw เองนั้นสามารถ Bundle cut หรือวางชิ้นงานทับซ้อนได้ แต่ว่าไม่สามารถทำในนำนวนมากหรือทำเป็นระบบ Automation ได้ดีเท่ากับเครื่องเลื่อยสายพาน Band Saw โดยเฉพาะอย่างยิ่งการทับซ้อนกันของวัสดุที่เป็น ท่อกลม หรือ Round bar ที่ต้องอาศัยการ clamp หรือยึดจับทั้งแนวนอนและแนวตั้งเพื่อลดแนวแรงการสั่นสะเทือนที่กระจากรอบทิศทาง และเป็นการยืดอายุการใช้งานของใบเลื่อยไปในตัว
ผิวงานและค่าคลอนจากการเลื่อย
ค่าคลอนของระยะชิ้นงาน ค่าความฉาก และความสม่ำเสมอของชิ้นงานเป็นอย่างไร จำเป็นต้องมี operation ที่สองเพื่อเก็บความละเอียดของชิ้นงานอีกหรือไม่ หรือชิ้นงานที่เลื่อยมาแล้วอยู่ในระยะความคลอนที่ยอมรับได้ แล้วจะลดภาระของต้นทุนที่เกิดกับการเก็บผิวรอบที่สองได้อย่างไร
Circular Saw จะให้คำตอบผู้ใช้งานกับงานเลื่อย งานตัด ที่ต้องการคุณภาพสูงได้เป็นอย่างดี ด้วยใบเลื่อยที่ออกแบบมาให้คมเป็นพิเศษทำให้งานตัดจาก Circular Saw นั้นแทบจะไม่มีรอยเบลอที่ขอบชิ้นงาน หากต้องการงานตัดที่ได้ระยะคมชัดเมื่อเปรียบเทียบกับ เครื่องเลื่อยสายพานแล้วนั้น ผู้ประกอบการต้องพิจารณาเครื่องเลื่อยสายพาน Band Saw ที่ใช้ระบบฟีดงานแบบ Servo Motor ที่ควบคุมได้ทั้งความเร็วและระยะที่แม่นยำกว่าการฟีดแบบไฮโดรลิคทั่วไป
ประเภทของการตัด
การตัดบางประเภทต้องการตัดแบบมีองศา ซึ่งโดยทั่วไปแล้วงานที่ต้องปรับองศาใบในการตัดจะไม่สามารถวางซ้อนทับกันได้ การเลื่อยงานจึงต้องเปรียบเทียบแบบชิ้นต่อชิ้น ซึ่งลักษณะนี้ต้องดูที่องศาที่เครื่องสามารถตัดได้และความต้องการของผู้ใช้งานเป็นหลัก
มองหาทางเลือกที่ดีที่สุด
การลงทุนซื้อเครื่องเลื่อยนั้นสำคัญอยู่ที่การพิจารณาในปัจจัยสองประการนั่นคืองบประมาณการลงทุนเปรียบเทียบกับประสิทธิภาพที่วัดออกมาเป็นผลงานของเครื่องเลื่อยในระยะยาว ซึ่งโดยเปรียบเทียบแล้วนั้น เครื่องเลื่อยระบบอัตโนมัติเต็มรูปแบบของ “เครื่องเลื่อยสายพาน Band Saw” จะมีราคาถูกกว่าเครื่องเลื่อย Circular Cold Saw หลักการพิจารณานั้นต้องนำปัจจัยดังกล่าวข้างต้นมารวมด้วยในสมการการลงทุน เช่น ความจำเป็นในการตัดงานแบบชิ้นต่อชิ้นว่ามีมากหรือน้อยอย่างไร จำเป็นต้องตัดแบบ Bundle Cut หรือ ทับซ้อนหรือไม่ โดยทั่วไปแล้วต้นทุนการตัดต่อชิ้นของ เครื่องเลื่อยสายพาน Band Saw นั้นจะประหยัดกว่า แต่ว่าหากนำ Circular Saw ไปลับคมใบได้ก็จะช่วยลดต้นทุนในการตัดได้เช่นกัน สุดท้ายแล้วจึงมาจบที่สมการของต้นทุนการตัดต่อชิ้นว่าจะพิจารณาเลือกเครื่องเลื่อยสายพาน หรือ Circular Cold Saw ด้านความเหมาะสมกับพฤติกรรมการใช้งานและการลงทุน